Page 59 - engrdeptมิย66.indd
P. 59

นิตยสารทหารชาง 59





               จะพึงถาม เราผูมิไดกลาวอยางนั้นเชนนี้วา “เพราะมีอะไรเปนปจจัย จึงมีอุปาทานพระเจาขา” ดังนี้
               แลวนั่นแหละจึงจะเปนปญหาที่ควรแกความเปนปญหา คําเฉลยที่ควรเฉลยในปญหาขอนั้นยอมมีวา

                                     เพราะมีตัณหาเปนปจจัยจึงมีอุปาทาน ;
                                     เพราะมีอุปาทานเปนปจจัยจึงมีภพ ;
                                     เพราะมีภพเปนปจจัยจึงมีชาติ ;
                       เพราะมีชาติเปนปจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย
               จึงเกิดขึ้นครบถวน : ความเกิดขึ้นพรอมแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ ยอมมีดวยอาการอยางนี้ ผัคคุนะ เพราะ

               ความจางคลายดับไปโดยไมเหลือแหงผัสสายตนะทั้ง ๖ นั่นเทียว จึงมีความดับแหงผัสสะ เพราะมี
               ความดับแหงผัสสะจึงมีความดับแหงเวทนา เพราะมีความดับแหงเวทนา จึงมีความดับแหงตัณหา
               เพราะมีความดับแหงตัณหา จึงมีความดับแหงอุปาทาน เพราะมีความดับแหงอุปาทานจึงมีความดับ
               แหงภพ เพราะมีความดับแหงภพ จึงมีความดับแหงชาติ เพราะมีความดับแหงชาตินั่นแล ชรามรณะ
               โสกะปริเทวะ ทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลายจึงดับสิ้น ความดับลงแหงกองทุกขทั้งสิ้นนี้ยอมมีดวย
               อาการอยางนี้  ดังนี้แล  นิทาน.สํ.  ๑๖/๑๕/๓๒  การที่ทุกขเกิดขึ้นเพราะอาศัยปจจัย

               ตอเนื่องกันมาเรียกวา ปฏิจจสมุปบาท ดวยอาการอยางนี้ เพราะสิ่งนี้มี สิ่งนี้จึงมี เพราะความ
               เกิดขึ้นแหงสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น เพราะสิ่งนี้ไมมี สิ่งนี้จึงไมมี เพราะความดับไปแหงสิ่งนี้สิ่งนี้จึงดับไป
                       ดังนั้นจึงไมมีสัตว บุคคล ตัวตน เราเขา จะมีเพียงแตการเกิดขึ้นของเหตุปจจัยตาง ๆ
               เทานั้น (เมื่อกรรมเกิดขึ้นแลว คนสวนมากที่ไมไดศึกษาพุทธวจนอยางถองแทจนเขาใจ

               จะตองวิ่งหาวิธีแกกรรมตามแบบที่นิยมกันโดยทั่วไป ซึ่งมีหลากหลายวิธี แลวแตใครจะคิดขึ้นมา
               คิดมาแลวก็แตกลูกแตกหลานไปจนหาตนตอไมเจอ เรียกวาลงรายละเอียดตามแตละสํานัก
               คิดคนขึ้น นับตั้งแตรดนํ้ามนต สวดออนวอนขอจากเทพ บังสุกุลเปนบังสุกุลตาย หรือลงไป
               นอนในโลงสมมติวาตายแลว พอเกิดใหมก็จะแกกรรมไดหมด สารพัดวิธีที่จะแกกรรม - ผูเขียน) แตใน
               หลักพุทธศาสนานั้น วิธีแกกรรมที่ถูกตองที่สุดคือ การปฏิบัติตามอริยมรรคมีองคแปดนั่นคือ
                       สัมมาทิฏฐิ ความเห็นชอบ              สัมมาสังกัปปะ ความดําริชอบ

                       สัมมาวาจา การพูดจาชอบ               สัมมากัมมันตะ  การทํางานชอบ
                       สัมมาอาชีวะ  การเลี้ยงชีวิตชอบ      สัมมาวายามะ ความเพียรชอบ
                       สัมมาสติ  ความระลึกชอบ              สัมมาสมาธิ  ความตั้งใจมั่นชอบ
                       ซึ่งรวมแลวคือ ศีล สมาธิ และปญญา





                          สุรุปแลวัคําสุอนขององคสุมเดิ์็จพระสุัมมาสุัมพุที่ธเจาคือ กรรมนั้นเก์ดิ์จากผัสุสุะ
                   ซ่�งเปนปจจัยใหเก์ดิ์เวัที่นาและเวัที่นาที่ําใหเก์ดิ์ตัณหา ฯลฯ ตามวังรอบปฏ์จจสุมุปบาที่
                   พระตถาคตตรัสุกับ พระอุที่าย่วัา

                          อุที่าย่! เพราะสุ์้นตัณหาจ่งสุ์้นกรรมเพราะสุ์้นกรรมจ่งสุ์้นทีุ่กขดิ์วัยประการดิ์ังน่้แล
   54   55   56   57   58   59   60   61   62   63   64